จากการนำเสนอผลการเสวนากลุ่มย่อย
ในการประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์การศึกษา พ.ศ.2556-2558
เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของประเทศไทย
ตามนโยบายรัฐบาล เมื่อเร็วๆ นี้ นายดิเรก พรสีมา
กรรมการพัฒนาระบบการประเมินการประกันคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวว่า ข้อเสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปครู
โดยยกฐานะครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูงนั้น ในส่วนของสถาบันการผลิต ต้องการให้
ศธ. กำหนดโควตาการผลิตให้สอดคล้องกับจำนวนที่หน่วยงานใช้ครูต้องการ
โดยเน้นสอนครูจากการปฏิบัติการสอนในห้องเรียนจริง
รวมทั้งควรปลูกฝังครูรุ่นใหม่เรียนรู้โครงการพระราชดำริด้วย
ในส่วนของผู้ใช้หรือ สพฐ. และโรงเรียน ก็ควรใช้ครูให้ตรงกับสาขาที่จบ
ควรมีกฎหมายกำหนดมาตรฐานครุภัณฑ์ขั้นต่ำของครูแต่ละวิชาเพื่อการสอนที่มี
คุณภาพทั้งวิชาพลศึกษา ดนตรี การเรือน วิทยาศาสตร์ด้านเงินเดือนครูนั้น
ปัจจุบันบัญชีเงินเดือนครูมีขั้นเงินเดือนย่อยมากถึง 85 ขั้นควรลดเหลือ
25-30 ขั้น เพื่อให้ครูได้รับเงินเดือนขั้นสูงสุดภายใน 15-20 ปี
ซึ่งปัจจุบันครูที่ได้รับเงินเดือนขั้นสูงสุด จะได้รับตอนอายุ 59 ปี หรือ 1
ปีก่อนเกษียณด้านนายจุรินทร์ มิลินทสูตร ผอ.วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม นำเสนอยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาว่า ระดับอุดมศึกษาที่ประชุมเสนอว่า ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยมากเกินไป ควรมีการรวบรวมและผลิตบุคลากรให้ตรงกับที่ตลาดแรงงานต้องการ ด้านอาชีวศึกษา ควรเน้นทวิภาคีให้มากขึ้น และทำความเข้าใจถึงงานสายอาชีพในอนาคตให้เด็กเข้าใจ เช่นช่างเชื่อม มีบริษัทน้ำมันข้ามชาติต้องการอัตรา และนำไปฝึกเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมท่อส่งน้ำมันในทะเล เงินเดือนกว่า 1 แสนบาท แต่กลับไม่มีผู้เรียนสาขานี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมยังมีข้อเสนอให้มีการตั้งองค์กรกลางขึ้นมาถ่วงดุลอำนาจฝ่ายการ เมือง เช่น สถาบันการศึกษาแห่งชาติ เนื่องจากเมื่อมีการเปลี่ยน รมว.ศึกษาธิการ ก็เปลี่ยนนโยบายทำให้งานไม่ต่อเนื่อง