นายชินภัทรภูมิรัตน
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)
เปิดเผยถึงผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พื้นฐาน (สพฐ.)ว่า ตามที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ
ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น สพฐ.
ได้มีการประชุมเตรียมการรับแนวทางกับนายภาวิช ทองโรจน์
ที่ปรึกษา
รมว.ศึกษาธิการซึ่งนายภาวิชมีความเห็นว่าควรมีการทบทวนเนื้อหาบางส่วนที่ไม่
เป็นปัจจุบัน ซึ่ง สพฐ.ได้ชี้แจงว่า
เนื้อหาส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสาระสังคมศึกษา
ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น
ส่วนเนื้อหาที่เป็นมาตรฐาน เช่น วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
ภาษาไทย ก็เพียงแต่เน้นให้เกิดความเข้มข้น ทั้งการเรียนการสอนการพัฒนาสื่อ
ไอซีที ที่ต้องเตรียมให้มีความพร้อมที่จะบรรจุลงในแท็บเล็ตด้วย"จากข้อคิดวิเคราะห์ของ รมว.ศึกษาธิการ ที่ดูจากผลการประเมินต่างๆ เด็กไทยค่อนข้างเรียนมาก แต่รู้น้อย ซึ่ง สพฐ.ได้นำข้อวิเคราะห์ดังกล่าวมาศึกษาพบว่าเรายังจัดการเรียนการสอนแบบแยก ส่วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเนื้อหา 8 กลุ่มสาระที่ครูมัวพะวงในเนื้อหาของตัวเองที่จะต้องสอนให้ครบทุกเนื้อหา ซึ่งทำให้เด็กเรียนมากรวมถึงกระบวนการเรียนการสอนครูแต่ละกลุ่มสาระ จะต้องจัดชั่วโมงการสอนของตัวเองอย่างเคร่งครัด และให้การบ้านนักเรียนมากมายมหาศาล"
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปของการประชุมวันนี้คือ สพฐ.จะดำเนินการเรื่องการบูรณาการให้ครบวงจร ซึ่งจากนี้ไปจะต้องบูรณาการเป็นทีมจึงได้มอบหมายให้สำนักวิชาการไปจัดทำคู่ มือการจัดการเรียนรู้แบบครบวงจร โดยเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นายชินภัทร ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้พูดถึงนโยบายการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งสพฐ. ได้จัดทำแผนการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มรูปแบบในแผนดังกล่าวจะมีความชัดเจน รวมถึงการปิด-เปิดภาคเรียนตามปฏิทินอาเซียนด้วย ซึ่งตามแผน สพฐ.ได้เสนอให้เลื่อนปิดภาคเรียนวันที่ 10 มิ.ย. 57 และเปิดภาคเรียนวันที่ 26 พ.ย. 57 แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปจนกว่าจะได้ผลสำรวจของโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องก่อนภาย ในเดือน ม.ค. นี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ