นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา
รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงข้อเสนอ 8 ข้อ
ที่คุรุสภาในฐานะสภาวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรี
และตนเนื่องในวันครูว่า หลายข้อเสนอก็ใจตรงกัน
คือการเน้นให้ครูมีความสามารถในการศึกษาอบรบนักเรียนให้มีความรู้
ความคิดสร้างสรรค์ รู้จักวิเคราะห์
และการวัดคุณภาพครูโดยดูที่ผลผลิตคือตัวนักเรียนมากกว่าการทำเอกสารวิชาการ
ซึ่งหลายเรื่องเป็นสิ่งที่ ศธ. กำลังดำเนินการอยู่
ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นก็ต้องใช้กติกาที่ใกล้เคียงกัน
และต้องขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ
การปรับปรุงบัญชีเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สูงขึ้น
ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้าราชการ พนักงานราชการ และพนักงานในส่วนต่าง ๆ
ที่จะต้องมีการยึดโยงกัน และต้องดูภาพรวมของประเทศทั้งระบบก็คงต้องใช้เวลา
นายพงศ์เทพ กล่าวต่อไปว่า ส่วนข้อเรียกร้องให้มีการแก้ไข
พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539
ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีสิทธิสมัครหรือลาออกจากการเป็นสมาชิกได้โดย
สมัครใจนั้น ตนขอไปศึกษาก่อนว่าจะมีช่องทางอะไรบ้าง
เพราะที่ผ่านมาเราใช้ระบบบำเหน็จบำนาญซึ่งเป็นภาระต่องบประมาณประเทศมาก
จึงคิดระบบ กบข. ขึ้นมา หากจะเปลี่ยนแปลงก็คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ.
กล่าวถึงการช่วยเหลือครูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ศธ.
ได้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือครูชายแดนใต้ โดยเปิดรับบริจาคเมื่อวันครู 16
ม.ค.ที่ผ่านมาได้รับเงินบริจาคมา 25 ล้านบาท
และตนจะดำเนินการต่อโดยจะขอรับบริจาคจากรัฐวิสาหกิจใหญ่ ๆ ตั้งเป้าไว้จำนวน
200 ล้านบาท เพราะครูที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ จำนวน 157 ราย
ศธ.อยากจะมอบให้ครอบครัวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจรายละ 1 ล้านบาท
และจะนำไปดูแลครูที่พิการจากเหตุความไม่สงบ จนไม่สามารถสอนหนังสือได้อีก
นอกจากนี้จะส่งเสียให้ทายาทของครูที่เสียชีวิตได้เรียนต่อจนจบปริญญาตรีด้วย
ปลัด ศธ. กล่าวอีกว่า ตนต้องการที่จะทำโครงการต่อเนื่อง
โดยให้มีกองทุนเดือนละบาทเพื่อรับบริจาคจากครูและบุคลากรทางการศึกษา
นักเรียน และผู้ปกครอง โดยจะจัดตั้งกล่องรับบริจาคไว้ตามสถานศึกษาต่าง ๆ
ประมาณการคร่าว ๆ ว่า 20 ล้านคน หากบริจาคเดือนละบาท
แต่ละเดือนก็จะได้ไม่ต่ำกว่า 15
ล้านบาทเข้ากองทุนช่วยครูใต้และทายาทให้เรียนต่อจนจบและมีงานทำช่วยเหลือตัว
เองได้
เพราะปัจจุบันทายาทได้เงินสงเคราะห์จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง
ของมนุษย์ ระดับอนุบาลและประถมได้เดือนละ 2,000 บาท ระดับมัธยมได้ 6,000
บาท ปริญญาตรีได้ปีละ 20,000 บาท ซึ่งยังน้อยมาก
ดังนั้นหากมีเงินกองทุนฯไปช่วยเหลือจะสามารถจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน
เพิ่มเติมให้แก่ทายาทเพื่อให้สามารถยังชีพอยู่ได้.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์