หลังจากมีนักศึกษามหาวิทยาลัยพิษณุโลกเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกรณีหลักสูตร
การศึกษาระบบการศึกษาทางไกล ไม่ได้รับการรับทราบจากคณะกรรมการการอุดมศึกษา
(สกอ.) ทำให้นักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท
ที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยพิษณุโลกไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้
ตามที่เคยเสนอข่าวให้ทราบนั้น
ต่อมา วันที่ 23 ธ.ค.
ดร.ประภาพรรณ รักเลี้ยง อธิการบดี ม.พิษณุโลก กล่าวว่า
ยอมรับว่าหลักสูตรทั้ง 9 หลักสูตรที่เปิดสอนอยู่ยังไม่ได้รับการรับทราบจาก
สกอ.
แต่ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดโดยเสนอให้สภามหาวิทยาลัยรับ
ทราบและอนุมัติให้เปิดได้
ต่อมาเมื่อหลักสูตรไม่ได้รับการรับทราบก็ได้เสนอเรื่องเข้าหารือในสภา
มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ 2- 3 เดือนที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.
ที่ผ่านมา
สภามหาวิทยาลัยจึงมีมติให้ยกเลิกหลักสูตรการศึกษาระบบทางไกลทั้งหมด
ดร.ประภาพรรณ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการกับนักศึกษาในระบบทั้งหมด 1,700
คนนั้น ได้ใช้วิธีการโอนย้ายนักศึกษาให้ไปเรียนหลักสูตรปกติที่สถานที่ตั้ง
แต่นักศึกษาไม่ยินยอมและพยายามต่อรองกับมหาวิทยาลัย
ทั้งที่การโอนย้ายดังกล่าวไม่ได้มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้มหาวิทยาลัยยืนยันว่าต้องการดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามข้อกำหนด
ของ สกอ. และอยากให้การจัดการเรียนการสอนได้คุณภาพอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม
เมื่อเกิดกรณีการร้องเรียนดังกล่าวขึ้นทางมหาวิทยาลัยก็พร้อมชี้แจง
โดยมอบหมาย ดร.พงษกร หงษ์กราย รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ม.พิษณุโลก
เข้าชี้แจงต่อ สกอ.ในวันที่ 24 ธ.ค. นี้
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่จะสั่งการให้
สกอ.ตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะได้แก้ไขปัญหา
เพราะการเปิดรับนักศึกษาโดยที่หลักสูตรยังไม่ผ่านการรับทราบจาก
สกอ.เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้
ด้าน ศ. (พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์
ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า
การเปิดรับนักศึกษาก่อนโดยที่หลักสูตรยังไม่ได้รับการรับทราบจาก สกอ.
ถือว่าหลักสูตรนั้นเป็นหลักสูตรเถื่อน ดังนั้น อธิการบดี
ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยกรณีนี้ถือเป็นคดีอาญา
ส่วนที่มหาวิทยาลัยกำลังแก้ไขปัญหาโดยโอนนักศึกษาจากหลักสูตรทางไกลมาเรียน
ในที่ตั้ง
จะต้องดูระเบียบก่อนว่าทำได้หรือไม่และต้องเน้นเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์