เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน
ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสมพงษ์ จิตระดับ
อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ
กล่าวตอนหนึ่งในการนำเสนอโครงการวิจัยเรื่องการพัฒนาบุคลากรและผลิตภาพ
บุคลากรเพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ว่า
หลายประเทศมองว่าการศึกษาต้องเตรียมคน เพื่อรองรับการแข่งขันตลาดเสรี
ส่วนไทยได้สอบถามครูเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานเรื่องอาเซียน
พบว่าครูมีความรู้ไม่มาก แต่ต้องการได้รับความรู้มากขึ้น
ส่วนนักเรียนมีความรู้พื้นฐานน้อย
แต่ยังต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียนทุกด้านเพิ่ม ทั้งนี้
หากดูความพร้อมในแต่ละประเทศ ไทยแพ้ทางประเทศอื่น เพราะมีจุดอ่อนหลายเรื่อง
อาทิ การเมืองไม่นิ่ง จึงไม่สานต่อนโยบาย งบประมาณไม่พอ
การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนต่ำ เป็นต้น ทั้งนี้
แม้พบว่าผู้บริหารสถานศึกษาและครูเห็นความสำคัญของการเตรียมความพร้อม
แต่ครูและนักเรียนไม่พร้อมเรื่องของภาษาอังกฤษและการแข่งขัน
ส่วนนโยบายด้านอาเซียนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นลายลักษณ์อักษร
เชิงหลักการทั่วไป กว้าง ทำให้ขาดเอกภาพ
ขาดทิศทางในการนำลงปฏิบัติในสถานศึกษา
ผู้บริหารสถานศึกษายังสะท้อนว่าทำอะไรไม่ได้เลย
นอกจากการปักธงอาเซียนไว้ในโรงเรียน ทั้งนี้ หากไทยไม่ทำอะไรเลย อีก 2
ปีจะอยู่ในอันดับที่ 6-7 ของอาเซียน แม้ตอนนี้จะอยู่อันดับ 3
"จากการศึกษาพบว่า โรงเรียน 3
หมื่นกว่าแห่งทั่วประเทศยังไม่มีงบเตรียมความพร้อม ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาตนเอง
แม้ขณะนี้จะนำร่องโรงเรียนต้นแบบไปแล้วบางส่วน ฉะนั้น ในปีงบฯ 2557
ควรกำหนดหมวดงบการเข้าสู่อาเซียน เช่น อาจจะจัดสรรงบให้โรงเรียนขนาดใหญ่ 5
แสนบาท ขนาดกลาง 3 แสนบาท และขนาดเล็ก 1 แสนบาท
ส่วนเรื่องหลักสูตรการเรียนรู้ควรเน้นการปฏิรูปหลักสูตร พ.ศ.2551 ใหม่
และควรสังคายนาประวัติศาสตร์ด้วย
เพราะระบบการเรียนการสอนมักสอนเรื่องความเกลียดชังในการเรียนอยู่ด้วย
ส่วนการเตรียมความพร้อมภาษาอังกฤษต้องทำเป็นวาระเร่งด่วนภายใน 2 ปีนี้"
นายสมพงษ์กล่าว
นางวลัย อิศรางกูร ณ อยุธยา คณะครุศาสตร์
จุฬาฯ ผู้วิจัย กล่าวว่า ในระดับมัธยมศึกษานั้น
ผู้บริหารและครูมัธยมยังไม่ทราบเกี่ยวกับนโยบายการเปิดเสรีด้านการศึกษาของ
อาเซียนที่มี 4 รูปแบบ
งานวิจัยนี้เห็นว่าควรปรับนโยบายการศึกษาของประเทศโดยเน้นขับเคลื่อนให้เป็น
ประเทศผู้นำด้านการศึกษาในภูมิภาค
การตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย การจัดทำแผนงาน
และงบในการขับเคลื่อนการศึกษาไทย
น.ส.ปัทพร สุคนธมาน
วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาฯ ผู้วิจัย กล่าวว่า คณาจารย์ นักศึกษา
ผู้บริหารในระดับอุดมศึกษา เห็นว่าการเตรียมพร้อมอยู่ในระดับน้อย
โดยเฉพาะความพร้อมเทียบโอนหน่วยกิตและการรับรองวิทยฐานะ
เมื่อประเมินโอกาสและผลกระทบ
จะเห็นว่าสถาบันอุดมศึกษาไทยมีจุดแข็งเรื่องค่าครองชีพ ค่าใช้จ่าย
และคุณภาพของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ แต่มีจุดอ่อนเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ
ภาษาอาเซียน คุณภาพของนักศึกษาบางกลุ่ม การแข่งขันในตลาดจะเพิ่มมากขึ้น
การแลกเปลี่ยนนักศึกษาที่ไม่สมดุล
แม้จะมีนักศึกษาต่างชาติมาแลกเปลี่ยนมากขึ้น
แต่นักศึกษาไทยจะไปแลกเปลี่ยนได้บางส่วน เพราะปัญหาค่าใช้จ่ายและภาษา
ฉะนั้น การผลักดันเรื่องอาเซียนในระดับอุดมศึกษา ศธ.ควรมีแผนแม่บท
ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและรัฐบาล
มีนโยบายสนับสนุนมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาสำหรับวิชาชีพที่สามารถย้ายแรงงาน
ฝีมืออย่างเสรีในประเทศอาเซียน เพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งนี้
ในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏควรสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและบัณฑิต
กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการรับนักศึกษา
ส่วนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลควรสนับสนุนความสัมพันธ์กับภาคอุตสาหกรรม
สำหรับมหาวิทยาลัยรัฐและมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐควรสนับสนุนให้เป็น
มหาวิทยาลัยวิจัยที่เน้นความเป็นเลิศทางวิชาการ ค้นหา
และสนับสนุนนักศึกษาและนักวิจัยที่มีความสามารถสร้างเครือข่ายนานาชาติ
ทั้งนี้ ในส่วนของมหาวิทยาลัยเอกชนควรควบคุมมาตรฐานให้กลไกการตลาดทำงาน
--มติชน ฉบับวันที่ 15 พ.ย. 2555 (กรอบบ่าย)--