ข่าวการศึกษา

บทความการศึกษา

ข่าวเรียกบรรจุครูผู้ช่วย

ข่าวสอบพนักงานราชการ

ข่าวสอบครูอัตราจ้าง

สอบธุรการ

'เสริมศักดิ์'ยาหอม'ผอ.กศน.' ดันเพิ่มเงินวิทยฐานะเท่าสพฐ.

          เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้ข้าราชการสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ว่า ได้มอบนโยบายให้ กศน.เข้ามามีส่วนสนับสนุนนโยบายของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ซึ่งมีนโยบายสำคัญ 10 ประการ และเรื่องที่สำคัญอันดับต้นๆ คือ พัฒนาคุณภาพการศึกษา ที่จะต้องพัฒนาครู และปรับหลักสูตรตามมา นโยบายขยายโอกาสทางการศึกษาซึ่ง กศน.ต้องเข้าไปเติมเต็ม และให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กทุกคน รวมถึง นโยบายนำสันติสุขมาสู่ชายแดนใต้ และนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ อยากให้ กศน.เร่งรัดโครงการจบ ม.6 ใน 8 เดือน เพราะจำเป็นเนื่องจากยังมีประชากรวัย 15-59 ปี ที่ไม่จบ ม.6 ถึง 35 ล้านคน ขณะเดียวกันการเรียนระดับมัธยมจะเป็นข้อต่อสำคัญระหว่างประถมกับอุดมศึกษา โดยจะเริ่มดำเนินการปี 2556 ตั้งเป้าไว้ 150,000 คน ขณะเดียวกันพร้อมสนับสนุน พ.ร.บ.กศน.เพราะเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะเติมเต็มการศึกษาให้ผู้ด้อยโอกาส
          "ผมจะเร่งผลักดันเงินวิทยฐานะของผู้อำนวยการ กศน.จังหวัด และผู้อำนวยการ กศน.อำเภอ ซึ่งมีสถานะเทียบเท่าผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่ได้รับเงินวิทยฐานะแตกต่างกับ สพฐ.ถึง 8,000 กว่าบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ จึงขอให้ กศน.ไปคิดว่าจะให้คนกลุ่มนี้ทำผลงานอย่างไรจึงจะผ่านเพื่อรับเงินวิทยฐานะ เท่ากับ สพฐ. ถ้าได้แนวทางอย่างไรให้เสนอต่อคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) พิจารณา นอกจากนี้ ต้องการให้ กศน.เร่งจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนในครบทุกตำบล เพราะรัฐบาลต้องการให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) อยู่ระหว่าง 5-6% ต่อปี ภายใน 10-15 ปีนี้ แต่ขณะนี้จีดีพีอยู่ที่ 4.2% เท่านั้น คาดว่าโอท็อปจะเข้าไปมีส่วนเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้าน ดังนั้น อยากให้เร่งสร้างศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน ซึ่งจะเป็นทั้งแหล่งสาธิต ฝึกสอน พัฒนา และจำหน่ายโอท็อป รวมทั้ง อยากให้ กศน.เร่งปรับปรุงการจัดการศึกษาไปสู่อินเตอร์ เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยอาจประยุกต์หลักสูตรบางหลักสูตรเป็นภาษาอังกฤษ" นายเสริมศักดิ์กล่าว

          
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

แสดงความคิดเห็น