ข่าวการศึกษา

บทความการศึกษา

ข่าวเรียกบรรจุครูผู้ช่วย

ข่าวสอบพนักงานราชการ

ข่าวสอบครูอัตราจ้าง

สอบธุรการ

ได้เวลา "ยกเครื่อง" การศึกษาไทย ก่อนจะไร้ที่ยืน..บนเวทีโลก : บทความ





      ไม่ใช่เรื่องแปลก..ที่ผลวิจัยการศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ พ.ศ.2554 หรือ TIMSS 2011 ที่จัดโดย The International Association for the Evaluation of Educational Achievement หรือ IEA ในระดับชั้น ป.4 และ ม.2 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผลปรากฎว่าคะแนนคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของเด็กไทย อยู่ในระดับ "แย่"

      เนื่องจากผลการประเมินนักเรียนนานาชาติ หรือ PISA ในปีก่อนๆ เด็กไทยก็มีคะแนนอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำไม่แตกต่างกัน
ซึ่ง การวิจัยครั้งนี้มีประเทศต่างๆ จากทั่วโลกเข้าร่วมวิจัยการศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ถึง 52 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น รัสเซีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล เบลเยี่ยม อังกฤษ ไอร์แลนด์เหนือ ออสเตรเลีย ออสเตรีย เยอรมัน เดนมาร์ก ไต้หวัน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ไทย เป็นต้น
      ทั้งนี้ ผลการวิจัยคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้น ป.4 ซึ่งมี 52 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมการประเมิน โดยไทยเข้าร่วมการประเมินครั้งแรก พบว่า ไทยมีคะแนนเฉลี่ยวิชาคณิตศาสตร์ 458 คะแนน อยู่อันดับที่ 34 คะแนน และวิทยาศาสตร์ 472 คะแนน อยู่อันดับที่ 29 โดยประเทศที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุดในวิชาคณิตศาสตร์ คือ สิงคโปร์ 606 คะแนน ส่วนประเทศที่วิชาวิทยาศาตร์สูงสุด คือ เกาหลีใต้ 587 คะแนน
เมื่อพิจารณาในภาพรวม ประเทศไทยถูกจัดกลุ่มให้อยู่ในระดับแย่ในวิชาคณิตศาสตร์ (poor) ส่วนวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับพอใช้ (Fair)
เมื่อจำแนกตามรายสังกัด พบว่า
      โรงเรียนสาธิต คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 540 คะแนน และวิทยาศาตร์ เฉลี่ย 562 คะแนน สูงกว่าค่าเฉลี่ยนานาชาติที่กำหนดไว้ 500 คะแนน  
      โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 502 และวิทยาศาตร์ เฉลี่ย 522 คะแนน
      โรงเรียนเอกชน คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 487 คะแนน วิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 509 คะแนน
      โรงเรียนสังกัดเทศบาล/ ท้องถิ่น คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 476 คะแนน และวิทยาศาสตร์ 495 คะแนน
      และโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 446 คะแนน และวิทยาศาสตร์ 456 คะแนน ซึ่งโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อทป.) และ สพฐ.มีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนานาชาติ
แต่ เมื่อเปรียบเทียบตามภูมิภาค นักเรียนในกรุงเทพฯ มีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยนานาชาติทั้ง 2 วิชา ส่วนนักเรียนภาคตะวันออก และภาคตะวันตก มีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยนานาชาติในวิชาวิทยาศาสตร์ และนักเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ตอนบน มีคะแนนคณิตศาสตร์ต่ำที่สุด และภาคใต้มีคะแนนวิทยาศาสตร์ต่ำที่สุด
      ส่วน ผลการประเมินวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของชั้น ม.2 มีประเทศที่เข้าร่วมประเมิน 45 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยวิชาคณิตศาสตร์ 427 คะแนน อยู่อันดับที่ 28 และวิทยาศาสตร์ 451 คะแนน อยู่อันดับที่ 25 ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในปี 2550 พบว่า ค่าเฉลี่ยลดลงทั้งคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเมื่อปี 2550 คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 441 คะแนน และวิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 471 คะแนน โดยการประเมินในปี 2554 ประเทศที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดในวิชาคณิตศาสตร์ คือ เกาหลีใต้ เฉลี่ย 613 คะแนน ส่วนวิทยาศาตร์ ประเทศที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ สิงคโปร์ 590 คะแนน ขณะที่ประเทศไทยเมื่อพิจารณาในภาพรวม ถูกจัดกลุ่มให้อยู่ในระดับแย่ (poor) ทั้งคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
เมื่อพิจารณาคะแนนจำแนกตามรายสังกัด พบว่า โรงเรียนสาธิต คณิตศาสตร เฉลี่ย 554 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 600 คะแนน ส่วนวิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 552 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 606 คะแนน แต่ทั้ง 2 วิชายังมีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยนานาชาติซึ่งอยู่ที่ 500 คะแนน ส่วนโรงเรียนสังกัด สพฐ.มีคะแนนเฉลี่ยคณิตศาสตร์ 440 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 445 คะแนน ขณะที่วิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 464 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 474 คะแนน สังกัดกรุง กทม. คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 433 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปี 2007 ที่ได้ 381 คะแนน วิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 457 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ได้ 424 คะแนน สังกัดเทศบาล/ ท้องถิ่น คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 424 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 474 คะแนน วิทยาศาตร์ เฉลี่ย 450 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 501 คะแนน และสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 419 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 504 คะแนน วิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 441 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 528 คะแนน
      เมื่อเปรียบเทียบคะแนนที่จำแนกตาม ภูมิภาค พบว่า ภาคตะวันออก และปริมณฑล มีคะแนนสูงขึ้นทั้งคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยภาคตะวันออก คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 495 คะแนน สูงกว่าปี 2550 ที่ได้ 427 คะแนน วิทยาศาสตร์ 508 คะแนน สูงกว่าปี 2550 ที่ได้ 466 คะแนน ส่วนปริมณฑล คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 481 คะแนน สูงกว่าปี 2550 ที่ได้ 436 คะแนน วิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 506 คะแนน สูงกว่าปี 2550 ที่ได้ 472 คะแนน ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ มีคะแนนเฉลี่ยลดลง โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน คะแนนลดลงจนน่าเป็นห่วง โดยคณิตศาสตร์ เฉลี่ย 415 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 483 คะแนน และวิทยาศาสตร์ 441 คะแนน ลดลงจากปี 2550 ที่ได้ 510 คะแนน
      นอกจากนี้ ผลวิจัยการศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ยังได้สำรวจด้านครูผู้สอน พบว่า ทั้งระดับชั้น ป.4 และ ม.2 ส่วนใหญ่ครูไทยจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งสูงกว่าประเทศสิงคโปร์ แต่ผลการประเมินที่ออกมากลับต่ำกว่าสิงคโปร์ค่อนข้างมากทั้งวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ประกอบกับครูไทยมีความมั่นใจในการสอน และความพร้อมในการเตรียมการสอนทั้ง 2 วิชา อยู่ในระดับต่ำ
      "นายปรีชาญ เดชศรี" รองผู้อำนวยการ สสวท.ระบุ ว่า เมื่อดูภาพรวมของการประเมินนักเรียนชั้น ป.4 ทั่วประเทศ พบว่า คณิตศาสตร์ 88% มีความสามารถตั้งแต่ระดับที่ต่ำมากไปจนถึงระดับปานกลาง หรือคะแนนต่ำกว่า 400-500 คะแนน มีเพียง 12% ที่คะแนนอยู่ในระดับสูงถึงระดับก้าวหน้า หรือมีคะแนนสูงกว่า 550 คะแนน ส่วนวิทยาศาสตร์ 80% มีความสามารถตั้งแต่ระดับต่ำมากไปจนถึงระดับปานกลาง และมีเพียง 20% มีคะแนนในระดับสูงถึงระดับก้าวหน้า นอกจากนี้่ เนื้อหาหลักสูตรคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยตรงกับเนื้อหาการประเมิน 100% แต่ไทยจัดการเรียนการสอนได้สำเร็จเพียง 30% ขณะที่สิงคโปร์เนื้อหาตรงการประเมินเพียง 70% แต่จัดการเรียนสำเร็จ 100%
ดัง นั้น สิ่งที่รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ ก็คือการยกคุณภาพของเด็กไทยทางด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ทั้งประเทศ ตั้งแต่ปรับการเรียนการสอนของครู ให้เด็กรู้จักกระบวนคิดมากกว่าเน้นท่องจำเนื้อหา ไม่เช่นนั้นความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของเด็กไทย จะค่อยๆ ต่ำลงเรื่อยๆ เพราะจะเห็นว่าจากการประเมินในครั้งนี้ "สิงคโปร์" และ "เกาหลีใต้" มีความสามารถทางคณิตศาสตร์สูงที่สุด และสูงมากกว่าหลายๆ ประเทศที่ได้ชื่อว่ามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกอย่าง "ฟินแลนด์" ด้วยซ้ำ
      ประเด็นเหล่านี้ "นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา" รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้มอบหมายให้ "นายภาวิช ทองโรจน์" ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ ศธ.ไปวางแผนยกระดับคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยทั้งประเทศ โดยเห็นว่าประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งพัฒนา "หลักสูตร" และการพัฒนา "ครู" เพราะถือเป็น "หัวใจ" สำคัญอย่างยิ่ง
      ซึ่งขณะนี้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้น เพื่อร่วมกันจัดทำโรดแม็ป "การปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน" ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเสนอรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้ภายในเดือนมกราคม 2556
โดย เบื้องต้นคณะทำงานได้เตรียมรื้อหลักสูตรใหม่ อย่างการกำหนดโครงสร้างหลักสูตรที่กำหนดไว้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และการจัดค่าน้ำหนักการเรียนในแต่ละช่วงชั้นเท่ากัน อาจไม่เหมาะสม และเมื่อศึกษารูปแบบการจัดทำหลักสูตรในหลายๆ ประเทศ ยังพบว่าในระดับชั้นประถมศึกษา จะเน้น "เนื้อหา" น้อย แต่จะเน้นส่งเสริมการเป็นประชากรที่ดี เพื่อให้เนื้อหาหลักสูตรที่ปรับแล้วมี "มาตรฐานนานาชาติ" ด้วย ซึ่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ ศธ.คาดว่าจะกระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จในปีการศึกษา 2556 และเริ่มใช้ได้ในปีการศึกษา 2557
      ทั้งนี้ทั้งนั้น ข่าวร้ายเกี่ยวกับผลการประเมินความสามารถในวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของเด็กไทยยังไม่ทันซา
      ล่าสุด มี "ข่าวร้าย" เกี่ยวกับแวดวงการศึกษาของประเทศไทยอีก เมื่อ "นายแฮรี่ แอนโทนี่ พาทรีนอส" ผู้จัดการฝ่ายการศึกษา สายงานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ธนาคารโลก (World Bank) ได้นำเสนอผลการวิจัยเรื่อง "ความเป็นอิสระ และความรับผิดชอบของโรงเรียนในประเทศไทยต่อการจัดการเรียนการสอนของนักเรียน และต่อความต้องการของสังคม" ว่าจากการเก็บข้อมูลโดยใช้วิธีการตอบแบบสอบถามของโรงเรียนในประเทศไทย 200 แห่ง ในปี 2554 โดยเชื่อมโยงกับผลการประเมินนักเรียนนานาชาติ หรือ PISA ปี 2552 พบว่า โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร และในเมือง มีระบบการศึกษาที่ดี ผิดกับโรงเรียนในชนบทที่มีระบบการศึกษาที่น่าห่วงมาก และยังพบว่า "โรงเรียนขนาดใหญ่" มีคะแนน PISA สูงกว่า "โรงเรียนขนาดเล็ก" มาก ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องเร่งพัฒนา และช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กให้มีมาตรฐานการศึกษาสูงขึ้น
      งานวิจัย ดังกล่าวยังระบุด้วยว่า โรงเรียนทั่วโลกที่มีคะแนน PISA สูง ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนที่มีความอิสระ และมีความรับผิดชอบควบคู่กันไป แต่ประเทศไทยยังอยู่ในระบบปิด ทั้งเรื่องความอิสระด้านงบประมาณ เพราะ ศธ.ยังเป็นผู้ควบคุมเงินเดือนครู ทำให้ผู้บริหารโรงเรียนไม่สามารถเลือกครู และรักษาครูเก่งๆ ได้ นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังมีส่วนร่วมกับโรงเรียนน้อยมาก ทั้งๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้โรงเรียนพัฒนา
ซึ่งงานวิจัยยัง ได้เสนอแนะวิธีที่จะช่วยให้คะแนน PISA ของประเทศไทยสูงขึ้น โดยจะต้องส่งเสริมความเป็น "อิสระ" ของโรงเรียน และสร้าง "ภาวะผู้นำ" ให้กับผู้บริหารโรงเรียนมากขึ้น
      เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น "โจทย์" ใหญ่ และเป็น "การบ้าน" ที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ หรือผู้เกี่ยวข้อง จะต้อง "เปิดตา", "เปิดหู" และ "เปิดใจ" รับฟังอย่างยิ่ง...
      มีความ "จริงจัง" และ "จริงใจ" ที่จะ "พัฒนา" และยก "คุณภาพ" มาตรฐานการศึกษาไทย และเด็กไทย ให้ทัดเทียมนานาประเทศ และพร้อมที่เข้าสู่สนามการแข่งขันระดับโลกในทุกรูปแบบ...
      ก่อนที่ "ไทย" จะไม่เหลือที่ยืน..บนเวทีโลก!!

ที่มา : สำนักข่าวอิศรา

ศธ.เตรียมแจกอีก "แท็บเล็ต ม.1" ต้อนรับปีงู





       ศธ.เดิน หน้าแจกแท็บเล็ตเด็ก ม.1 พร้อมครูสอนเพิ่มอีกปี 2556 หลังแจกเด็ก ป.1 ไปแล้ว 8 แสนเครื่อง เผยตั้งงบกองทุนตั้งตัวได้ปีละ 5,000 ล้านบาทให้ นศ.ทำธุรกิจไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท

       นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รอง นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า รัฐบาลได้มีนโยบายการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทุกสถานศึกษา ที่ผ่านมาได้แจกไปแล้วจำนวน 8 แสนเครื่อง โดย ในปี 2556 นี้ จะมีการแจกให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พร้อมกับครูผู้สอน โดยจะมีการใส่ข้อมูลความรู้ หรือแอปพลิเคชันที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนได้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
       
       นายพงศ์เทพ กล่าวอีกว่า ขณะที่รัฐบาลได้ตั้งกองทุนตั้งตัวได้ให้กับนักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้น ปริญญาตรี หรือจบการศึกษาไปแล้วไม่เกิน 1 ปี ที่จะทำธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่เป็นการริเริ่มสร้างสรรค์ และต่อยอดธุรกิจให้สามารถพัฒนาธุรกิจต่อไปได้ โดยกองทุนตั้งตัวได้ จะมีการพิจารณาร่วมกับธนาคารที่จะให้สินเชื่อ โดยงบประมาณในปีแรก มีจำนวน 5,000 ล้านบาท และจะมีการพิจารณาให้สินเชื่อกับธุรกิจไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท โดยนักศึกษาสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจตามสถานศึกษาทั่วประเทศ


ที่มา :  ผู้จัดการ

การศึกษาไทยร่วงอันดับ 50 ศธ.สั่งรื้อหลักสูตรทุกชั้นปี





"พงศ์เทพ" รับการศึกษาไทยตกต่ำลง ล่าสุดถูกดันลงไปอยู่อันดับ 50 ในการประเมินผลการศึกษานานาชาติ เล็งปรับหลักสูตรทุกระดับชั้น อัดวิทย์-คณิตเมขึ้น ปี 56 เตรียมปรับหลักสูตร ป.ตรีสายอาชีวะด้วย

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในรายการหอกระจายข่าวว่า จาก การประเมินผลการศึกษานานาชาตินั้น ไทยถูกจัดลำดับการศึกษาให้อยู่ลำดับที่ 50 ซึ่งมีระดับที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ ศธ.จึงต้องการที่จะปฏิรูปหลักสูตรทุกระดับชั้น พร้อมทั้งพัฒนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการยกระดับด้านการผลิตอุตสาหกรรมที่ยังขาดแคลนบุคลากรที่ เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้เพียงพอ
       
       นายพงศ์เทพ กล่าวอีกว่า ใน ปี 2556 ศธ.จะมีการปรับหลักสูตรปริญญาตรี ให้กับผู้เรียนสายอาชีวศึกษาด้วย เพื่อยกระดับความรู้ และพัฒนาประเทศด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ให้ทัดเทียมกับนานาประเทศต่อไปได้



ที่มา : ผู้จัดการ

โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ สพป.พิษณุโลก เขต 3 รับสมัครพนักงานราชการ จำนวน 1 อัตรา

        ด้วยโรงเรียนวิทยสัมพันธ์ มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อจัดจ้างเป็นพนักงานราชการ วิชาเอกทั่วไป จำนวน 1 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 3-9 มกราคม 2556 


รายละเอียดเพิ่มเติม

http://www.phitsanulok3.com/admin/FCKeditor/upload/File/1.docx 

การนับระยะเวลาในการแต่งตั้งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะชำนาญการ



โรงเรียนบ้านกระสัง สพป.สุรินทร์ เขต 2 รับสมัครครูอัตราจ้าง จำนวน 1 อัตรา

         ด้วยโรงเรียนบ้านกระสัง มีความประสงค์รับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งครูอัตราจ้าง วิชาเอกทั่วไป จำนวน 1 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 2-8 มกราคม 2556 ไม่เว้นวันหยุดราชการ

รายละเอียดเพิ่มเติม
http://e-filing.srn2.go.th/upload/201212281326541.rar 

สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 รับสมัครเจ้าหน้าที่ธุรการ จำนวน 5 อัตรา

      ด้วยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเป็นอัตราจ้างปฏิบัติงานธุรการใน โรงเรียน ตามโครงการคืนครูให้นักเรียน จำนวน 5 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 2-8 มกราคม 2556 เว้นวันหยุดราชการ ณ กลุ่มบริหารงานบุคคล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ศรีสะเกษ เขต 4
 
รายละเอียดเพิ่มเติม

http://www.office-ssk4.net/ef4/docs4frontend/26-12-2012-11-40-4720121226114016-781196978.pdf 

สพป.หนองคาย เขต 1 รับสมัครเจ้าหน้าที่ธุรการ จำนวน 3 อัตรา

      ด้วยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเป็นอัตราจ้างปฏิบัติงานธุรการใน โรงเรียน ตามโครงการคืนครูให้นักเรียน จำนวน 3 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 7-11 มกราคม 2556 เว้นวันหยุดราชการ ณ กลุ่มบริหารงานบุคคล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
หนองคาย เขต 1
 
รายละเอียดเพิ่มเติม

http://61.19.246.216/~nkedu1/news/pic/292_1.pdf 

สพป.ขอนแก่น เขต 2 รับสมัครเจ้าหน้าที่ธุรการ จำนวน 2 อัตรา

      ด้วยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2 มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเป็นอัตราจ้างปฏิบัติงานธุรการในโรงเรียน ตามโครงการคืนครูให้นักเรียน จำนวน 2 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 4-14 มกราคม 2556 เว้นวันหยุดราชการ ณ กลุ่มบริหารงานบุคคล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2

รายละเอียดเพิ่มเติม
http://202.143.147.116/news2553/dir_txtsql/imagefiles/news25532512.zip

สพม.34 สอบถามความสมัครใจไปขึ้นยังบัญชีอื่น จำนวน 8 อัตรา 2 กลุ่มวิชา

        ด้วยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34 สอบถามความสมัครผู้สอบแข่งขันได้ไปขึ้นบัญชีอื่น จำนวน 8 อัตรา 2 กลุ่มวิชา ดังต่อไปนี้




รายละเอียดเพิ่มเติม

ไฟล์ที่ 1
ไฟล์ที่ 2

โรงเรียนมัธยมภูฮังพัฒนวิทย์ สพม.24 รับสมัครครูอัตราจ้าง จำนวน 1 อัตรา

         ด้วยโรงเรียนมัธยมภูฮังพัฒนวิทย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต24 มีความประสงค์รับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งครูอัตราจ้าง วิชาเอกภาษาอังกฤษ จำนวน 1 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2555 - 2 มกราคม 2556

รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.sesa24.go.th/office/book1/7841_1.doc 

ข่าวดี!!! อปท.เชียงราย สำรวจอัตราว่าง เพื่อเปิดสอบครูผู้ช่วย เร็วๆ นี้



รายละเอียดเพิ่มเติม
https://docs.google.com/open?id=0B5oyv0aGAhS0aGs5dER1OW52aXM

สพฐ.ปั๊มข้อสอบครูผู้ช่วยเอง อ้างลดค่าใช้จ่าย-ยันโปร่งใส


          เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้า ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ ว12 ที่จะสอบคัดเลือกในวันที่ 13 มกราคม 2556 ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเป็นผู้จัดทำคลังข้อสอบเองทั้งหมด ไม่จ้างสถาบันอุดมศึกษาเป็นผู้ออกข้อสอบเหมือนการสอบครูผู้ช่วยครั้งที่ ผ่านๆ มา
          โดย สพฐ.จะดำเนินการสอบให้มีความเป็นธรรมมากที่สุด ไม่ให้มีปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินการคัดเลือกของแต่ละเขตพื้นที่ฯ มีมาตรฐานต่างกัน รวมถึงความรัดกุม ก็ต่างกัน จึงก่อให้เกิดความไม่ยุติธรรม ดังนั้น สพฐ.จึงจัดทำคลังข้อสอบเพื่อให้ทุกเขตพื้นที่ มีมาตรฐานของข้อสอบ การควบคุมความโปร่งใสให้ได้ดีที่สุด แต่หากในอนาคตเขตพื้นที่ มีความพร้อมมากขึ้น ก็ปรับเปลี่ยนได้
          "ที่ สพฐ.ทำคลังข้อสอบแทนการให้สถาบันอุดมศึกษาออกให้ เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง ปัญหาข้อบกพร่องก็ยังไม่หมดไป เพราะการออกข้อสอบมีความยากลำบาก ไม่ว่าจะให้สถาบันการอุดมศึกษาไหนออกให้ เพราะสอบหลายสาขา และหลายพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ฉะนั้น การที่สถาบันอุดมศึกษาไปดำเนินการ ก็จะมีภาระหลายขั้นตอน เช่น การออกข้อสอบ การจัดส่งข้อสอบไปยังสนามสอบ ซึ่งเป็นภาระมาก แต่การที่ สพฐ.มาทำเอง เนื่องจากมีกำลังกระจายอยู่ตามเขตพื้นที่ก็จะดึงศักยภาพ มาช่วย" เลขาธิการ กพฐ.กล่าว และว่า การส่งข้อสอบไปยังเขตพื้นที่ ที่เปิดสอบนั้น สพฐ.มีระบบความปลอดภัยอยู่แล้วและมีความรัดกุมมาก ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ก็ใช้รูปแบบนี้ จึงมั่นใจว่ามีความรัดกุมและป้องกันปัญหาการทุจริตต่างๆ ได้ แต่รายละเอียดนั้น คงไม่สามารถเปิดเผยได้

          ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

โรงเรียนสร้างนกทาวิทยาคม สพม.29 รับสมัครพนักงานราชการ จำนวน 1 อัตรา

        ด้วยโรงเรียนสร้างนกทาวิทยาคม มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อจัดจ้างเป็นพนักงานราชการ วิชาเอกภาษาอังกฤษ จำนวน 1 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 2-4 มกราคม 2556 


รายละเอียดเพิ่มเติม

http://www.sangnoktawit.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=26:application-teacher-eng&catid=1&Itemid=32 

ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกกลุ่มสอบบรรจุครูฯ

กระทรวงศึกษาฯบรรจุ 'ฟุตซอล' ให้เป็นวิชาเลือกหมวดพละ




“กระทรวงศึกษาธิการ” โดย รมว.พงศ์เทพ เทพกาญจนา ไฟเขียว บรรจุกีฬา “ฟุตซอล” เป็นวิชาเลือกในหมวดพลศึกษาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.ทั่วประเทศ โดยการผลักดันของ “บิ๊กแป๊ะ” ถิรชัย วุฒิธรรม ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ เพื่อเป้าหมายที่จะเผยแพร่การเรียนรู้กฎ กติกา มารยาท และพื้นฐานการเล่นฟุตซอลที่ถูกต้องให้แก่เยาวชนไทย

หลังเสร็จสิ้นการ แข่งขันฟุตซอลโลกเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งผลงานของทีมฟุตซอลทีมชาติไทยประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยสามารถสร้างประวัติศาสตร์เข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกนั้น ล่าสุดนายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ และผู้จัดการทีมชาติไทย ได้เข้าพบกับนาย พงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อขอรับการสนับสนุนให้มีการจัดทำ หลักสูตรวิชาฟุตซอล และบรรจุเป็นวิชาเลือกของหมวดพลศึกษาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. เพื่อให้เกิดการเผยแพร่การเรียนรู้กฎกติกามารยาท และพื้นฐานการเล่นฟุตซอลที่ถูกต้องในระดับเยาวชนซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากร บุคคลสำคัญของชาติทางด้านกีฬา

ภายหลังจากการเข้าพบดังกล่าว นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ตนยินดีที่จะสนับสนุนให้เยาวชนได้หันมาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการ เล่นกีฬา ซึ่งเป็นการบ่มเพาะให้ทุกคนรู้จักแพ้ รู้จักชนะ และให้อภัย รวมทั้งยอมรับในกฎกติกาของส่วนรวม และห่างไกลจากปัญหายาเสพติดอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ผมได้มอบให้ ดร.ประแสง มงคลศิริ เลขานุการ รมต.ศธ. หารือกับสำนักวิชาการ และ สพฐ. เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกับคุณถิรชัย วุฒิธรรม และคณะ ซึ่งในเบื้องต้นก็ทราบว่ามีหลายชนิดกีฬาที่บรรจุเป็นหลักสูตรเปิดสอนเป็น วิชาเลือกอยู่แล้ว และผมก็เห็นว่าฟุตซอลเป็นกีฬาที่คนไทยมีโอกาสประสบความสำเร็จในระดับโลกได้ ถ้ามีการปูพื้นฐานในระดับรากหญ้าที่ถูกต้อง และมีหลักมีเกณฑ์ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ

ทางด้าน “บิ๊กแป๊ะ” ถิรชัย ได้กล่าวเสริมภายหลังว่า “ฝ่ายพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องขอขอบคุณรัฐบาล และ ฯพณฯ พงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่เล็งเห็นความสำคัญของการกีฬา ในเรื่องของหลักสูตรฟุตซอลนั้น มิติสำคัญของการพัฒนาฟุตซอลของประเทศในระดับพื้นฐานของโรงเรียนกว่าสามหมื่น โรงเรียนในสังกัด สพฐ.นั้นจะก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบครบวงจรทั้งคนเล่น คนดู และผู้ฝึกสอน ซึ่งผมจะได้เพิ่มเติมในส่วนของผู้ตัดสินเข้าไปด้วย ในอนาคตก็จะมีการพัฒนาของการดูฟุตซอลเป็น-เล่นฟุตซอลได้-มีผู้ฝึกสอนที่ผ่าน การอบรม และมีผู้ตัดสินที่มีคุณภาพควบคู่กันไป ทั้ง 4 องค์ประกอบสำคัญที่จะเปรียบเทียบไปแล้ว ก็คือ ปัจจัย 4 ประการ เพื่อพัฒนาการของฟุตซอลไทยในอนาคตนั่นเอง” ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติกล่าวในที่สุด



ที่มา : ไทยรัฐ

จี้รัฐเพิ่มครูอาชีวะ 3.6 หมื่นคน ปรับอัตราส่วนเท่าสายสามัญ



       อาชีวะ จี้รัฐเพิ่มครู 3.6 หมื่นคน รับนโยบายเพิ่มสัดส่วนอาชีวะ สามัญให้ได้ 50:50     
       นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้เข้าร่วมประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งได้มีการหารือถึงแนวทางการบริหารอัตรากำลังคนภาครัฐ ปีงบประมาณ 2556 เพื่อปรับให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ และยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพราะฉะนั้นที่ประชุมจึงมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานไปจัดทำกรอบอัตรากำลังคน เพื่อมาเสนอในการประชุมนัดต่อไป ทั้งนี้ แต่ละหน่วยงานจะต้องทำแผนที่ระบุให้ชัดเจนว่า กำลังคนที่จะขอนั้นจะเข้ามาตอบสนองยุทธศาสตร์ประเทศ และยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียนได้อย่างไร ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีข้าราชการอยู่ทั้งหมด 2.72 ล้านคน แต่น่าสนใจ คือ มี 3 หน่วยงานที่มีความต้องการกำลังคนภาครัฐมากที่สุด คือ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องการอัตราครู 33,000 คน กระทรวงสาธารณสุข ต้องการอัตราบุคลากร 31,436 คน และ อัตราตำรวจ 25,000 คน
   
       นายชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ปัจจุบันมีจำนวนครูอยู่ทั้งหมด 16,000 คน รับผิดชอบนักเรียนทั้งหมด 900,000 คน ซึ่งไม่เพียงพอ ต้องจ้างครูเพิ่มอีก 8,000 คนเพื่อปรับสัดส่วนครูต่อนักเรียน ให้อยู่ที่ 30:1 คน จากปัจจุบันอยู่ที่ 43:1 คน ซึ่งจำนวนที่ความต้องการครูของสอศ. เท่ากับจำนวนครูอัตราจ้างที่ทางวิทยาลัยจ้างอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสัดส่วนนักเรียนสายสามัญ กับสายอาชีพอยู่ที่ 62: 38 มีจำนวน แต่ถ้ารัฐบาลต้องการเพิ่มจำนวนนักเรียนสายอาชีพต่อสายสามัญเป็น 50:50 จะต้องเพิ่มจำนวนครูประมาณ 36,000 คน
   
       “นอกจากปัญหาขาดแคลนอัตรากำลังคนแล้ว ตอนนี้ยังมีปัญหาว่าในระบบมีข้าราชการที่มีอายุอยู่ในช่วง 57 ปีจำนวนมาก ซึ่งเท่ากับว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีข้าราชการระดับสูงเกษียณอายุราชการจำนวนมาก จะเป็นสาเหตุให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ ขาดแคลนกำลังคนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งปัญหานี้เกิดจากนโยบายที่รัฐบาลไปจำกัดจำนวนข้าราชการ ใน 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ที่ประชุมมอบหมายให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำลับดูแลเรื่องดังกล่าว ไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาในการประชุมครั้งวันที่ 15 มกราคม 2556” นายชัยพฤกษ์ กล่าว



ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

โรงเรียนมะค่าสามัคคี สพป.นครราชสีมา เขต 7 รับสมัครพนักงานราชการ จำนวน 1 อัตรา

        ด้วยโรงเรียนมะค่าสามัคคี มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อจัดจ้างเป็นพนักงานราชการ ไม่ระบุวิชาเอก จำนวน 1 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 2-8 มกราคม 2556 เว้นวันหยุดราชการ

รายละเอียดเพิ่มเติม

http://www.korat7.go.th/web/images/stories/01-KORAT7/04-Person/prakad-makasamakkee.pdf 

โรงเรียนบ้านเขว้าวิทยา สพป.นครราชสีมา เขต 7 รับสมัครพนักงานราชการ จำนวน 1 อัตรา

        ด้วยโรงเรียนบ้านเขว้าวิทยา มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อจัดจ้างเป็นพนักงานราชการ วิชาเอกคณิตศาสตร์หรือภาษาอังกฤษ จำนวน 1 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 2-6 มกราคม 2556 ไม่เว้นวันหยุดราชการ

รายละเอียดเพิ่มเติม

http://www.korat7.go.th/web/images/stories/01-KORAT7/04-Person/prakad-baankwaovitaya.pdf 

การสำรวจตำแหน่งว่าง ครูสายงานการสอน ของ สพม.21

      ด้วยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ได้จัดทำข้อมูลตำแหน่งว่างครูสายงานผู้สอนประกอบการบริหารจัดการงานบุคคล เพื่อประกอบการพิจารณาย้ายและยกระดับผลสัมฤทธิ์ จำนวน 72 อัตรา








รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.secondary21.go.th/2555/news/person/pic/70_1.pdf

สพป.กาญจนบุรี เขต 3 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 15 อัตรา

       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 เรียกบรรจุผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยให้ไปรายงานตัว ในวันที่ 3 มกราคม 2556 เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุม สำนักงานเขตพื้นที่กำรศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3
       ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 มีอัตราว่างที่จะดำเนินการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน 15 อัตรา 1 กลุ่มวิชา (ลำดับที่ 9-24) ดังต่อไปนี้

รายละเอียดเพิ่มเติม
หนังสือเรียกบรรจุ 
รายชื่อโรงเรียน 

ขอบคุณข้อมูลจาก เพื่อนสมาชิกกลุ่มสอบบรรจุครูฯ

ไฟเขียวคืนเงินน.ศ.ม.อีสาน

          เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม นายสุมนต์ สกลไชย ผู้ชำระบัญชีและกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุม มอส. ที่มีนายสมนึก พิมลเสถียร อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีข้อจำกัดของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ในการออกใบรับรองผลการศึกษา หรือทรานสคริปต์ ให้แก่นักศึกษา ภายหลังจากสภา มอส.หมดหน้าที่ เนื่องจาก มอส.ถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้ง ทั้งนี้เนื่องจากข้อมูลผลการศึกษา ที่ได้รับจาก มอส.ยังไม่ครบถ้วนถูกต้อง ดังนั้น คณะกรรมการควบคุมจึงอนุมัติแต่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง ของเอกสารผลการเรียนของนักศึกษา มอส. โดยมอบหมาย นายอานนท์ เที่ยงตรง กรรมการควบคุมเป็นประธาน พร้อมกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบนาน 45 วัน
          นายสุมนต์กล่าวว่า คณะกรรมการควบคุมยังเห็นชอบให้สำนักงานชำระบัญชี ชำระเงินคืนแก่นักศึกษาที่ได้ชำระค่าเล่าเรียน 2 ครั้ง คือ ที่จ่ายให้กับนายอัษฎางค์ แสวงการ อดีตอธิการบดี มอส.และจ่ายให้กับ มอส. รวมถึงให้จ่ายเงินคืนแก่นักศึกษาระดับปริญญาโท ที่สอบประมวลความรู้แล้วแต่ยังไม่ได้สอบการค้นคว้าอิสระ ในอัตรา 14,000-16,400 บาทต่อราย ตามแต่ สาขาวิชา ส่วนผู้ที่ยังไม่สอบประมวลความรู้ จะขอคืนได้เพิ่มเติมอีก 5,000 บาทต่อราย ทั้งนี้มีข้อแม้ว่านักศึกษาที่จะได้รับเงินคืนจะต้องมีหลักฐานว่าจ่ายเงิน ให้แก่มหาวิทยาลัยครบแล้วเท่านั้น โดยดูขั้นตอนการขอเงินคืนได้ที่
www.esu55.com
          --มติชน ฉบับวันที่ 28 ธ.ค. 2555 (กรอบบ่าย)--

โรงเรียนชุมพรปัญญานุกูล รับสมัครพนักงานราชการ จำนวน 1 อัตรา

        ด้วยโรงเรียนชุมพรปัญญานุกูล มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อจัดจ้างเป็นพนักงานราชการ วิชาเอกการจัดการทั่วไป จำนวน 1 อัตรา

รับสมัคร ระหว่างวันที่ 7-11 มกราคม 2556 ในวันและเวลาราชการ

รายละเอียดเพิ่มเติม
http://special.obec.go.th/news/25.12.55_Chumphon.pdf

สพม.28 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 17 อัตรา 12 กลุ่มวิชา

       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 เรียกบรรจุผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยให้ไปรายงานตัว ในวันที่ 16 มกราคม 2556 สำนักงานเขตพื้นที่กำรศึกษามัธยมศึกษา เขต 28
       ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 28 มีอัตราว่างที่จะดำเนินการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน 17 อัตรา 12 กลุ่มวิชา ดังต่อไปนี้

สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 20 อัตรา 5 กลุ่มวิชา

       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 เรียกบรรจุผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยให้ไปรายงานตัว ในวันที่ 7 มกราคม 2556 เวลา 09.00-10.00 น. ณ ห้องท่าฉาง สำนักงานเขตพื้นที่กำรศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2
       ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 มีอัตราว่างที่จะดำเนินการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน 20 อัตรา 5 กลุ่มวิชา ดังต่อไปนี้
 รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.surat2.go.th/files/file01356507996.pdf 

สพม.9 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 5 อัตรา 4 กลุ่มวิชา

       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 เรียกบรรจุผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยให้ไปรายงานตัว ในวันที่ 4 มกราคม 2556 สำนักงานเขตพื้นที่กำรศึกษามัธยมศึกษา เขต 9
       ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 9 มีอัตราว่างที่จะดำเนินการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน 5 อัตรา 4 กลุ่มวิชา ดังต่อไปนี้
 รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.mathayom9.go.th/webSPM9/schoolSPM9/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8.pdf 

สพม.4 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 9 อัตรา 7 กลุ่มวิชา

       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 เรียกบรรจุผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยให้ไปรายงานตัว ในวันที่ 11 มกราคม 2556 เวลา 08.30 น. ณ กลุ่มบริหารงานบุคคล สำนักงานเขตพื้นที่กำรศึกษามัธยมศึกษา เขต 4
       ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 4 มีอัตราว่างที่จะดำเนินการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน 9 อัตรา 7 กลุ่มวิชา ดังต่อไปนี้ (เพิ่มเติม กลุ่มวิชาคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 อัตรา ลำดับที่ 22)

รายละเอียดเพิ่มเติม


สพม.8 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 15 อัตรา 7 กลุ่มวิชา

       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 เรียกบรรจุผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยให้ไปรายงานตัว ในวันที่ 8 มกราคม 2556 เวลา 09.00-10.00 น. ณ ห้องประชุม สำนักงานเขตพื้นที่กำรศึกษามัธยมศึกษา เขต 8
       ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 8 มีอัตราว่างที่จะดำเนินการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน 15 อัตรา 7 กลุ่มวิชา ดังต่อไปนี้
 รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.sesao8.go.th/sesao/index.php?option=com_content&view=article&id=701:-26122555&catid=4:2011-02-12-04-36-04 

ศธ.เร่งปฏิรูประบบผลิตครูหวั่นอีก 5 ปีล้นเกินความต้องการ





       ศธ.เร่งปฏิรูปครูวางระบบผลิต ชัดเจน หวั่นฝันร้ายมาเยือนอีก 5 ปีข้างหน้าที่จะมีบัณฑิตจบครูออกมาหลายแสนคนต่อปี ระบุแค่นิสิต นศ.ปี 1 สายครูพุ่งสูงถึงแสนคน
       ศ.พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวบรรยายพิเศษเรื่อง ยุทธศาสตร์การวิจัยเพื่อการพัฒนาการศึกษาไทยตามนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาล ตอนหนึ่ง ว่า วิกฤติคุณภาพการศึกษาไทย สะท้อนได้จากการจัดอันดับการศึกษาในระดับนานาชาติที่พบว่าอันดับของไทยถดถอย ลงตามลำดับทุกปี เช่น การศึกษาขั้นพื้นฐาน ไทยถูกจัดในอันดับที่ 6 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนและตามหลังประเทศเวียดนาม ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ระดับอุดมศึกษา อยู่ในอันดับที่ 8 ตามหลังกัมพพูชาและฟิลิปปินส์ ซึ่งตนยอมรับว่าไม่อยากจะเชื่อแต่ต้องรับทราบข้อมูลไว้ก่อน เช่นเดียวกับที่พบด้วยการจัดอันดับในหน่วยงานอื่น ๆ ของไทยในระดับนานาชาติก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ ขณะที่ประเทศมาเลเซีย มีดัชนีที่ชัดเจนว่า กำลังก้าวเข้าสู่วิสัยทัศน์ที่ได้ประกาศไว้ว่า ปีค.ศ.2020 มาเลเซียจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
       อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยของสำนักพิมพ์ตำรา Pearson จัดอันดับการศึกษาของไทยอยู่ในกลุ่มสุดท้ายซึ่งอยู่ในกลุ่มที่มีคะแนนต่ำที่ สุด โดยสถาบันแห่งนี้ได้วิจัยและมีข้อสรุปว่า เงินทุนไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดของการมีระบบการศึกษาที่ดี และการที่ครูอาจารย์มีเงินเดือนสูงก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถทางการ สอนสูงตามไปด้วย สำหรับประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราผลักดันเรื่องเงินเดือนครู ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่เราก็ต้องเร่งรัดครูในเรื่องประสิทธิภาพในการสอนควบคู่กันไปด้วย ดังนั้น รัฐบาลนี้มีนโยบายที่จะปฏิรูปหลักสูตรที่กำลังอยู่ระหว่างการปรับรื้อและ ปฏิรูปครู ซึ่งจะเร่งวางระบบการผลิตและพัฒนาที่ชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆออกมาระบุเพียงว่า 10 ปีข้างหน้าเราจะมีครูที่เกษียณอายุราชการ 200,000 อัตรา แต่สถาบันการผลิตครูกลับไม่มีทิศทางที่ชัดเจนในการผลิตครู โดยพบว่า ใน ปี 2555 เรามีอัตราว่างเพื่อบรรจุครู 1,500 อัตรา แต่มีผู้จบครูมาสมัคร 190,000 คน แสดงว่าเรามีคนที่มีใบประกอบวิชาชีพครูล่องลอยโดยไม่มีงานทำกว่า 200,000 คน ขณะที่สถาบันการผลิตรับนักศึกษาเฉลี่ยปีละ 50,000 คน และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ ปี 2555 รับนักศึกษาปี 1 คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ พุ่งสูงถึง 100,000 คน ดังนั้นในอีก5 ปี เราจะมีบัณฑิตที่จบด้านครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ หลายแสนคน ซึ่งจะเป็นฝันร้ายของวงการศึกษาในอนาคตแน่นอน



ที่มา : ผู้จัดการ 

โรงเรียนบ้านทรายขาว สพป.ชุมพร เขต 1 รับสมัครครูอัตราจ้าง จำนวน 1 อัตรา

       ด้วยโรงเรียนบ้านทรายขาว สพป.ชุมพร เขต 1 มีความประสงค์ที่จะรับสมัครบุคคล เพื่อคัดเลือกเป็นลูกจ้ างชั่วคราวรายเดือนหรือวิทยากรสอนคอมพิวเตอร จำนวน 1 อัตรา

วันเวลาและสถานที่รับสมัคร
       ให้ ผู ประสงค์จะสมัคร ขอและยื่นใบสมัครด ้วยตนเองได้ ที่ ห้ องธุรการโรงเรียนบ้ านทรายขาว ตั้งแต่
วันที่ 7 – 30 ธันวาคม 2555 ในวันและเวลาราชการ (เวลา 08.30 น.– 16.30 น.)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7752 0052 หรือ 0 7763 0008


รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.thaischool.in.th/_files_school/86101341/news/86101341_1_20121225-202012.rar 

สพป.กระบี่ เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 21 อัตรา 6 กลุ่มวิชา

       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ เรียกบรรจุผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยให้ไปรายงานตัว ในวันที่ 10 มกราคม 2556 สำนักงานเขตพื้นที่กำรศึกษาประถมศึกษากระบี่
       ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ มีอัตราว่างที่จะดำเนินการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน 21 อัตรา 6 กลุ่มวิชา ดังต่อไปนี้


รายละเอียดเพิ่มเติม
http://school.obec.go.th/kbpeper/1335.pdf 

แสดงความคิดเห็น